ข่าวเด็ดมาแล้ว! ดอร์ทมุนด์ เตรียมพร้อมลุยเกมรุกศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง เสือเหลือง เตรียมเปิดบ้านพร้อมปะทะหมีซิกเนาอิดูน่า พาร์ค รับการมาเยือนของแอตเลติโก้ มาดริด ด้วยความมั่นใจ เกมนี้บอกเลยว่าห้ามพลาด! ดอร์ทมุนด์จะเปิดฉากถล่ม แอตเลติโก้ ได้หรือไม่? แอตเลติโก้ จะรักษาสกอร์และผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่? ติดตามชมพร้อมกันได้เลย
เสือเหลืองพร้อมปะทะหมี ดอร์ทมุนด์พร้อมลุยเกมรุกในบ้านล้มแอตเลติโก้ พลิกเข้ารอบ 8 ทีม
ดอร์ทมุนด์เปิดบ้านล้มแอตเลติโก้ มาดริด พลิกเข้ารอบ 8 ทีมในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก พร้อมลุยเกมรุกรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง คืนวันอังคารนี้ หวังพลิกสถานการณ์จากการตามหลัง 1-2 ด้วยพลังจากแฟนบอลในเวสต์ฟาเลินชตาดีโอน รับรองว่าเสือเหลืองพร้อมปะทะหมีในครั้งนี้มันส์แน่นอน
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมที่เคยเป็นแชมป์ในปี 1997 และเข้าชิงชนะเลิศในปี 2013 ยังมีโอกาสกลับไปเล่นรอบรองชนะเลิศอีกครั้ง แม้ว่าจะออกสตาร์ทได้เลวร้ายที่สนามมาดริด โดยลูกทีมของเอดิน แทร์ซิช โดนนำไปก่อนถึง 2 ลูก ภายใน 30 นาทีแรก ถึงแม้สถานการณ์จะไม่ดีนัก ดอร์ทมุนด์ก็สามารถตั้งหลักได้และเล่นได้ดีกว่าในช่วง 60 นาทีที่เหลือ ยิงประตูได้จากเซบาสเตียน ฮาลเลอร์ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปเพราะความผิดพลาดในแนวรับถึง 2 ครั้ง ทำให้แอตเลติโก มาดริด เป็นฝ่ายได้เปรียบ
อย่างที่เคยเป็นมา ไพ่เด็ดของดอร์ทมุนด์คือเวสต์ฟาเลนสตาดิโอนที่แข็งแกร่งถึง 80,000 คน ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีและเป็นหนึ่งในฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สโมสรไม่แพ้ใครตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 โดยต้องเผชิญหน้ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และนิวคาสเซิ่ลในช่วงเวลานั้น
ดอร์ทมุนด์แข็งแกร่ง ทำผลงานยอดเยี่ยมในฟุตบอลยุโรป
แม้ว่าฟอร์มในลีกจะย่ำแย่จนหล่นออกนอกพื้นที่ไปแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า พวกเขาก็ยังต้องลุ้นแค่ติดอันดับ 1-4 เพื่อคว้าสิทธิ์ไปเล่นรายการนี้ต่อ แต่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฟุตบอลยุโรป แม้ก่อนหน้านี้จะถูกมองว่าอาจจะตกระดับไปเล่นยูโรป้า ลีก หรือแม้แต่ต่ำกว่านั้น พวกเขาก็กลับเป็นทีมอันดับ 1 ในกลุ่มที่แข็งแกร่งซึ่งมี ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง, เอซี มิลาน และนิวคาสเซิล อยู่ร่วมกลุ่ม
ฟอร์มอันร้อนแรงของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนท์ ในถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มีส่วนมาจากบรรยากาศอันน่าเกรงขามของสนามเวสท์ฟาเลินชตาดิโยน โดยเฉพาะในค่ำคืนของฟุตบอลยุโรป ตั้งแต่พ่ายแพ้ต่ออายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปี 2021 ที่มีเซบาสเตียน ฮัลเลอร์ ยิงประตูให้กับอายักซ์ (ปัจจุบันย้ายมาอยู่กับดอร์ทมุนท์ในปี 2022) ดอร์ทมุนท์ไม่แพ้ใครในบ้านเลยเป็นเวลา 9 นัดติดต่อกัน
แม้ว่าฟอร์มการเล่นจะค่อนข้างหวุดหวิด แต่ดอร์ทมุนท์ สามารถทำได้ 15 ประตู
โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ แสดงความแข็งแกร่งในบ้านตลอดช่วงเวที ยุโรป พวกเขาทำได้ 15 ประตูและเสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเกมเหย้า แม้ว่าฟอร์มการเล่นจะค่อนข้างหวุดหวิด แต่โดยรวมแล้วเกมรับของดอร์ทมุนด์ภายใต้การคุมทีมของเทอร์ซิชนั้นแข็งแกร่งตลอดฤดูกาล ยกเว้นเกมที่พวกเขาเสียถึง 2 ประตูง่าย ๆ จนทำให้แอตเลติโก มาดริดขึ้นนำ 2-0 ที่ วนิดา เมตร ลิตาโน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
กองหลัง นิโก ชล็อทเทอร์เบ็ค ทำผลงานได้น่าผิดหวังเป็นอย่างมากในเกมเจอกับอัตเลติโกเด มาดริด ขณะที่มัทซ์ ฮุมเมิลส์ ผู้เล่นฟอร์มดีในถ้วยยุโรปฤดูกาลนี้ ก็โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเช่นกัน ทั้ง ชล็อทเทอร์เบ็ค และ มัทซ์ ฮุมเมิลส์ รวมถึง นิคลัส ซูเล แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2020 ต่างก็หวังที่จะกลับมาติดทีมชาติเยอรมันชุดของยูเลียน นาเกลส์มันน์ เพื่อลงเล่นในศึกยูโร 2024 ที่จะแข่งขันในบ้านเกิด
ฟอร์มการเล่นนอกบ้านที่ย่ำแย่ แอตเลติโก ไม่เคยรักษาคลีนชีทได้เลย
ดอร์ทมุนด์หวังจะอาศัยฟอร์มการเล่นนอกบ้านที่ย่ำแย่ของแอตเลติโก มาดริดในฤดูกาลนี้ เป็นแรงกระตุ้นสำหรับเกมนัดสำคัญ ลูกทีมของดิเอโก ซิเมโอเนชนะเพียง 5 จาก 15 นัดในลีก และชนะเพียง 1 จาก 4 นัดในบอลยุโรปฤดูกาลนี้ พวกเขายังไม่เคยรักษาคลีนชีทได้เลยในเกมนอกบ้าน
จาดอน ซานโช่ ดาวรุ่งที่กลับมายังถิ่น พร้อมซัดประตูเพิ่มให้ทีม
ดอร์ทมุนด์ถล่มแอตเลติโก 4-0 ในการพบกันครั้งล่าสุดที่เยอรมนี เมื่อฤดูกาล 2018-19 อดีตมิดฟิลด์ของแอตเลติโก มาดริด แอกเซล วิทเซล ยิงประตูแรกให้ดอร์ทมุนด์ ขึ้นนำ และจาดอน ซานโช่ ดาวรุ่งที่กลับมายังถิ่นซิกเนิยด์อัลท์ดาฟฟ์อีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาซัดประตูเพิ่มให้ทีม
ใต้การคุมทีมของลูเซียน ฟาฟร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เคยเป็นทีมที่เปิดเกมรุกใส่หนัก ชวนให้นึกถึงยุคทองของเจอร์เก้น คล็อปป์ และโทมัส ทูเคิ่ล แต่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยุคปัจจุบันภายใต้เทอร์ซิช เป็นทีมที่อาจจะดูไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่มีหัวใจสู้เหมือนกับทีมแอตเลติโก มาดริด ยุคที่ยอดเยี่ยมภายใต้การนำของเดียโก ซีเมโอเน
สู้ไม่ถอย ดอร์ทมุนด์ รักษาสกอร์เอาไว้ได้ ลุ้นติดท็อป 4
ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นจากชัยชนะ 2-1 ของดอร์ทมุนด์สู้ไม่ถอยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในเกมบุกเยือนโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ทีมของเทอร์ซิช เหลือผู้เล่น 10 คนหลังจากคาริม อเดเยเม พลาดใบแดง ทั้งที่เหลือเวลาอีก 35 นาทีและขึ้นนำอยู่ 1-0 แต่สุดท้าย ดอร์ทมุนด์ ก็สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้ ซึ่งถือเป็นชัยชนะสำคัญในเส้นทางลุ้นติดท็อป 4
ถ้าดอร์ทมุนด์ต้องการเอาชนะแอตเลติโก มาดริดและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่สี่ในประวัติศาสตร์ พวกเขาจะต้องทัดเทียมกับความแข็งแกร่งและความเด็ดเดี่ยวของฟอร์มการเล่นนั้น โดยต้องเจอกับทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นปรมาจารย์ด้านทักษะเหล่านั้นภายใต้การนำของซิเมโอเน